“ศุภชัย” มั่นใจพร้อมรับมอบแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ในช่วงโควิดเร่งส่งผู้เชี่ยวชาญประเมิน พร้อมอัดฉีด 1.7 พันล้านบาท ปรับปรุง ยกเครื่องก่อนส่งมอบ 25 ต.ค. นี้ พร้อมให้บริการแบบไร้รอยต่อ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และความพร้อมในการรับมอบรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตเรล ลิงก์ ในเดือนตุลาคม 2564 ว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะดำเนินการรับช่วงต่อจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามแผนงาน โดยเตรียมความพร้อมรับโอนสิทธิ์การเดินรถแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลงทุนกว่า 1.7 พันล้านบาท เพิ่มจากสัญญา และสั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญการเดินรถและให้บริการระบบรางทั้งจากต่างประเทศและในประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบทุกอย่างล่วงหน้าอย่างละเอียด
พร้อมสำรวจความคิดเห็นจากผู้โดยสาร เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้พร้อมบริการที่เข้ามารับช่วง ในวันที่ 25 ตุลาคม 2564 โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย และความสะดวกสบาย เพื่อยกระดับแอร์พอร์ตเรล ลิงก์ ให้เป็นระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทุกเส้นทางการเดินทาง รองรับการเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่จะเปิดดำเนินการในปี 2569 อย่างไร้รอยต่อ
“โครงการนี้ถือเป็นความหวังของประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกในอนาคตอีกด้วย”
ด้านนายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตามสัญญาบริษัทฯ จะได้รับมอบสิทธิ์ในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ตั้งแต่ วันที่ 25 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป แต่หลังจากที่บริษัทฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกลงพื้นที่ ประกอบกับผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้ใช้บริการ ทำให้พบว่ามีความจำเป็นที่บริษัทฯจะต้องลงทุนเพิ่มเพื่อปรับปรุงระบบ และสถานี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถให้บริการประชาชนได้ทันที
เมื่อคณะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมีความเห็นให้ดำเนินการปรับปรุงระบบและสถานีให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน บริษัทฯ จึงมีมติให้ อัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมกว่า 1.7 พันล้านบาท สำหรับดำเนินงานล่วงหน้าก่อนรับโอนสิทธิ์ โดยเริ่มวางแผนงานตั้งแต่ต้นปี 2563 และทยอยดำเนินการในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ได้แก่
1.การเตรียมการด้านบุคลากร และการถ่ายทอดเทคโนโลยี 2.การเตรียมความพร้อมด้านระบบ และเทคนิค 3.การเตรียมความพร้อมด้านการปรับปรุงสถานี และการให้บริการ ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง ด้วยการออกแบบอารยสถาปัตย์ และ 4. การเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย
บริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาและปรับปรุงในด้านอื่น ๆ อาทิ การปรับปรุงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง (HSR) การปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัย การปรับปรุงเพื่อยกระดับคุณภาพบริการ เป็นต้น
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา) เป็นสัญญาการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ( PPP) ระยะเวลาสัญญา 50 ปี มีมูลค่ากว่า 224,544 ล้านบาท เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างรายได้ ให้กับประชาชนในท้องถิ่น โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 650,000 ล้านบาท รวมถึงการจ้างงานตลอดช่วงระยะเวลาการก่อสร้างสูงถึง 16,000 อัตรา และการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100,000 อัตรา ใน 5 ปี
ที่มา : https://mgronline.com/daily/detail/9640000050636